เมอแรงค์

เมอแรงค์

เมอแรงค์ (Meringue)
หวานละมุนนุ่มลิ้น

              เมอแรงค์ หากจะบอกว่าเมื่อคุณได้สัมผัสความนุ่มละมุนลิ้นของขนมสัญชาติตะวันตกอย่างเมอแรงค์ (Meringue) แล้วล่ะก็ จะรู้สึกถึงรสจูบหวานซาบซ่านเข้าไปถึงทรวง คงจะไม่เป็นการเอื้อนเอ่ยเกินจริงนัก เพราะด้วยส่วนผสมหลักจากไข่ขาวที่สร้างสรรค์เป็นขนมแสนอร่อย และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นขนมชิ้นโปรดของควีนอลิซาเบธที่ 1 แห่งประเทศอังกฤษ ซึ่งถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Kissed’ เพราะขณะพระองค์เสวยเมอแรงค์จะประทับริมฝีปากลงบนผ้าเช็ดหน้าที่ถือขนมนี้อยู่ด้วย

         ในขณะที่อีกความเชื่อหนึ่งกล่าวว่า เมอแรงค์มีต้นกำเนิดที่เมืองเมอริเจน
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยพ่อครัวชาวอิตาเลียน
ชื่อ แกสปารินี แต่นั่นก็ยังไม่แน่ชัดเท่ากับ
ชื่อของเมอแรงค์ ที่ปรากฏอยู่ในตำราอาหารของ
Massialot ในปี ค.ศ.1692 และได้ปรากฏ
เป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี ค.ศ.1706 เมื่อหนังสือเล่มดังกล่าวถูกแปลขึ้นมา

          แต่ไม่ว่าเจ้าเมอแรงค์จะถือสัญชาติใดก็ตาม ในบ้านเราขนมชื่อแปลกนี้กำลังขยายความนิยมจากลูกค้าระดับกลาง ยกชั้นขึ้นทำเนียบไฮโซได้อย่างภาคภูมิใจ เมื่อมีผู้ที่หลงใหลในรสชาตินำมาประยุกต์ให้ทันสมัยจนถูกลิ้นคนไทย ด้วยการลดความหวานสำหรับคนรักสุขภาพ
และเติมตัวช่วยขึ้นรูป เช่น ครีมออฟทาร์ทาร์ หรือ
แป้งข้าวโพดในบางสูตร บ่อยครั้งก็มีการเติมกลิ่นวานิลลาลงไป บ้างก็เติมอัลมอนด์นิด เม็ดมะม่วงหิมพานต์หน่อย โรยด้วยมะพร้าว หรือจะแปลงรสให้เป็นช็อกโกแลต กาแฟ แม้กระทั่งชาเขียว ก็ถูกใจผู้ชื่นชอบเบเกอรี่ทั้งหลายได้ดีทีเดียว

           นอกจากรูปร่างหน้าตาแบบคลาสสิคสไตล์ฝรั่งเศสที่มีลักษณะแห้งและเบา ด้วยส่วนผสมของไข่ขาวที่ตีกับน้ำตาลจนขึ้นฟู ซึ่งนับเป็นสูตรเบสิคแล้ว ยังมีเมอแรงค์ในแบบอิตาเลียน ที่นิยมใช้น้ำเชื่อมร้อนๆ แทนน้ำตาลทราย ตีผสมกับไข่ขาวจนแข็ง ทำให้ได้เมอแรงค์ที่ค่อนข้างนิ่มและอยู่ตัว สามารถนำไปใช้แต่งขนมอบหลายอย่าง เช่น พาย baked alaska หรือปาดลงบนถาดและนำไปอบได้โดยไม่ยุบตัว ซึ่งเมอแรงค์ชนิดนี้ไม่ต้องนำไปผ่านความร้อนเพื่อให้ไข่สุกอีกครั้ง

          สำหรับเมอแรงค์แบบสวิตเซอร์แลนด์ จะตีเหนือหม้อน้ำร้อนเพื่อให้ไข่ขาวอุ่นและน้ำตาลละลาย จากนั้นจึงยกลงจากเตาและตีต่อไปเรื่อยๆ จนเย็นแล้วจึงนำไปอบ มักถูกนำไปใช้เป็นฐานของพาฟโลวา (มาจาก Anna Pavlova นักบัลเล่ต์ชาวรัสเซียที่มีลักษณะการกระโดดตัวเบาเหมือนลอยล่องอยู่ในอากาศ) ตกแต่งพร้อมเสิร์ฟด้วยผลไม้สด หรือผลไม้กระป๋องเพื่อตัดความหวานเลี่ยน และเพิ่มรสในแบบไทยๆ ได้อย่างลงตัว สำหรับขนมไทยที่มีวิธีการทำคล้ายเมอแรงค์
คือ ‘ขนมโสมนัส’ หรือชื่อเดิม ‘ขนมโคโคนัท’ นั่นเอง

            เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเมอแรงค์ในแบบนานาชาติ พอทำให้นึกหน้าตากันออกบ้างหรือยังคราวนี้หากว่าคุณจะเริ่มลงมือเองแล้วล่ะก็ เรามีเคล็ดลับในการทำเมอแรงค์ให้อร่อยด้วยวิธีง่ายๆ อันดับแรกคือ ตอนแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว จะต้องระวังมากหน่อย อย่าให้ไข่แดงแตกปนลงในไข่ขาวเด็ดขาด นิดเดียวก็ไม่ได้นะคะ น้ำหรือน้ำมันก็อย่าได้หยดลงไป ถ้วยชามที่ใส่ก็ต้องแน่ใจว่าสะอาดและแห้งจริงๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีส่วนทำให้ตีไข่ขาวไม่ขึ้นค่ะ

            ต่อมาคุณต้องใจเย็น ทั้งในขั้นตอนของการตีไข่ ตลอดจนการนำไปอบ โดยเฉพาะเวลาตีไข่ต้องตีด้วยความเร็วสูง แล้วค่อยๆใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อย ตีไปเรื่อยๆ จนไข่ขาวตั้งยอด และเมื่อนำไปอบตามเวลาที่สูตรกำหนดแล้ว ให้ปิดไฟเตา แต่อย่าเปิดเตาเด็ดขาด ต้องทิ้งขนมไว้ในเตาจนกว่าเตาจะเย็น ซึ่งบางทีอาจกินเวลานานถึง 3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น หรือในบางครั้งอาจต้องเปิดเตาอบไฟอ่อนสุด และอบต่อไปเรื่อยๆ จนแน่ใจว่าเมอแรงค์แห้งจริงๆ สาเหตุที่ต้องทิ้งขนมไว้ในเตาอบอย่างนั้น ก็เพราะว่าจะช่วยให้เมอแรงค์อยู่ตัวไม่ยุบง่าย ทั้งยังกรอบและเก็บไว้ทานได้นาน

การเก็บเมอแรงค์นั้นเก็บได้ทั้งในและนอกตู้เย็น ถ้าชอบแบบกรอบๆ หนืดๆ ก็เก็บใส่กล่องไว้ที่อุณหภูมิห้อง แต่ถ้าชอบแบบนุ่มๆ เย็นๆ ก็แช่ตู้เย็นไว้ทานกันเล่นๆ ในครอบครัวกันได้เลยค่ะ