สุดยอดผลไม้มหัศจรรย์

สุดยอดผลไม้มหัศจรรย์

สุดยอดผลไม้มหัศจรรย์

          สุดยอดผลไม้มหัศจรรย์ แอปเปิ้ลถูกยกย่องให้เป็น ‘ต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่ว’ ดังที่ปรากฏใน Adam’s Apples จนชาวคริสต์เรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า Fruit of Knowledge หรือ ‘ผลไม้แห่งปัญญา’ ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของโลโก้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไฮเทคที่รู้จักกันไปทั่วโลก

          แต่ในทางคุณค่าทางโภชนาการ ชาวตะวันตกเปรียบสรรพคุณของผลไม้ชนิดนี้ว่า “An apple a day keeps the doctor away” เพียงรับประทานแอปเปิ้ลวันละผลก็ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว และทุกวันนี้ เราสามารถหาซื้อแอปเปิ้ลได้ง่าย ในราคาไม่แพงนัก แถมได้คุณประโยชน์มากมายอีกด้วย

ในซีกโลกตะวันตก แอปเปิ้ล (Apple) เป็นเสมือนตัวแทนของประเพณีของชาวอเมริกัน และยังเป็นส่วนผสมในอาหารทั่วโลก โดยนำมาปรุงได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ อบ ทอด ย่าง หรือทานแบบเป็นชิ้น ๆ หรือนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงอย่างดีกับเนื้อ สลัดผัก หรือขนมหวาน เช่นเดียวกับในโลกของเบเกอรี่ที่นิยมนำแอปเปิ้ลมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูมากมาย ได้แก่ พายแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลซอสฟรุตเค้ก คุกกี้สไลซ์แอปเปิ้ล มูสแอปเปิ้ล บราวนี่แอปเปิ้ล โรลแอปเปิ้ล ชีสเค้กแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลฟองดูว์ สมูทตี้แอปเปิ้ล คัพพุดดิ้งแอปเปิ้ล วุ้นแอปเปิ้ล หรือนำไปแต่งหน้าเค้กก็ได้

โดยธรรมชาติ แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีผิวหนา ไส้กลางแข็ง มีเมล็ดเล็กน้อย แต่มีใยอาหารถึง 90% และที่ใคร ๆ ต่างติดอกติดใจน่าจะเป็นรสชาติของความชุ่มฉ่ำในเนื้อที่มีทั้งหวานกรอบ เปรี้ยวจี๊ด หรือเค็มเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ส่วนกลิ่นหอมหวานนั้นมาจากผิวของแอปเปิ้ลเป็นส่วนสำคัญ เนื่องจากมีน้ำตาลฟรักโตส (Fructose น้ำตาลธรรมชาติจากผลไม้) อยู่มาก และสารที่เรียกว่า เพคติน (Pectin) ซึ่งมีลักษณะเหนียวและเข้มข้น มักใช้ในการทำแยม หรือเยลลี่ มีขายทั่วไปในรูปแบบผง ทำซอส หรือเนยแอปเปิ้ล เป็นต้น

สำหรับการทำเบเกอรี่ด้วยแอปเปิ้ล อาจหมายถึงการใช้ส่วนผสมที่ทำมาจากแอปเปิ้ล เช่น เหล้าแอปเปิ้ล ซึ่งมีที่มาต่างกันไป อย่างเหล้าแอปเปิ้ลชนิด hard หรือมีแอลกอฮอล์อยู่มาก กับชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ทั้งสองลักษณะมีตั้งแต่สีชาทึบจนถึงสีใสเป็นประกาย เมื่อนำเหล้าแอปเปิ้ลไปหมักจะได้น้ำส้มสายชูแท้ ทั้งหมดนี้สามารถนำมาทำเป็นซอส ซอสหมัก และน้ำสลัดได้ นอกจากนี้ยังมีคาวาโดซ์ (Calvados) เป็นบรั่นดีชั้นดีที่ทำมาจากเหล้าแอปเปิ้ล มีลักษณะเหมือนเหล้าคอนยัค (Cognac) หรือ Armagnac นำไปเป็นส่วนประกอบในซอสหมักและซอส เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเค้ก เช่นในเมนู Calvados Souffle เหล้าแอปเปิ้ลอุ่น ๆ ผสมคาวาโดซ์นิด ๆ อาจทำให้วันหนาว ๆ ของคุณอุ่นขึ้น หรือหากเป็นวันที่อากาศร้อน Calvados Spritzer ก็สามารถดับกระหายได้เป็นอย่างดี แอปเปิ้ลแจ็คก็มีลักษณะคล้ายคาวาโดซ์ แต่จะถูกกลั่นน้อยกว่า ทั้งสองประเภทนี้ใช้แทนกันได้ดี

ส่วนแอปเปิ้ลแห้ง ที่นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ก็นำมาปรุงอาหารได้เช่นกัน เพราะมีความชื้นน้อยและทนต่อขั้นตอนการปรุงเกือบทุกรูปแบบ โดยไม่เสียรูปทรง หรือรสชาติ แถมยังน่าขบเคี้ยว เช่น Apple-Hazelnut Muffin ทำให้เป็นเมนูที่ไม่ธรรมดาได้

ว่าด้วยเรื่องชนิดของแอปเปิ้ลมีให้เลือกมากกว่า 7,500 ชนิด แค่ในประเทศสหรัฐอเมริกามีมากถึง 2,500 ชนิดเลยทีเดียว สำหรับแอปเปิ้ลชนิด Red Delicious แพร่หลายมากที่สุด อีกชนิดเรียก Golden Delicious มีลักษณะเป็นลูกกลม ๆ มีสีเหลืองเป็นส่วนใหญ่ และมีจุดดำ ๆ รสชาติออกหวานมีน้ำมีเนื้อ เหมาะสำหรับจัดอยู่ในจานสลัด เพราะไม่เป็นสีน้ำตาลได้ง่าย ชนิด Granny Smith มีสีเขียวเนื้อแน่นมาก และมีรสฝาดแห้ง ๆ เมื่อนำมาปรุงอาหารความฝาดจะค่อย ๆ หายไป แต่จะแห้งมากขึ้น มาถึงชนิด Rome หรือ Rome Beauty ผลใหญ่สีแดงเข้ม มีรสชาติไม่ค่อยแรงหากรับประทานดิบ ๆ แต่เมื่อนำมาอบ รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานจะค่อย ๆ ออกมา ชนิด Northen Spy ผลใหญ่สีเหลือง – เขียวหม่น ๆ และมีเส้นสีชมพูยาวออกมาจากกึ่งกลาง สวยงามมาก รสฝาดอ่อน ๆ อีกหนึ่งชนิด Wine Sap มีผิวแดงหนากับจุดดำ – ขาวเล็ก เนื้อแน่นสีขาวฉ่ำนุ่มที่สุด รสชาติเหมือนไวน์มาก

สำหรับวิธีรับประทานนั้น มีกูรูแนะนำว่า ควรรับประทาน Granny Smith ดิบ ๆ ไม่ควรปรุง แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถนำมาทำพายแอปเปิ้ลแสนอร่อย โดยหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เติมน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย ชนิด Macintosh สามารถนำมาทำ Apple Cobblers แสนอร่อยได้ง่าย ๆ

อย่างไรก็ดี เราอาจใช้แอปเปิ้ลชนิด Cortland, Empire, Granny Smith, Gravenstein, Jinathan, Lady Apple, Macoun, Macintosh, Newton Pippin, และ Northen Spies ประกอบอาหารได้ทุกชนิด หรือจะรับประทานดิบ ๆ ก็ได้ แต่เมื่อใดที่คุณต้องการแอปเปิ้ลที่ใช้แทนกัน ควรจะเลือกชนิดที่มีรสชาติแทนกันได้ เช่น Greening แทน Granny Smith ได้ เพราะมีรสฝาดเหมือนกัน ส่วน Macoun แทน Macintosh เพราะรสชาติคล้ายกัน และ Wine sap อาจแทน Jonathan เพราะมีรสอมเปรี้ยวอมหวานเหมือนกัน

ล้อมกรอบ
บทความวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. 2470 ยกย่องแอปเปิ้ลให้เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และยังมีสารสำคัญ เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ที่ชื่อว่า เพคติน และกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิค (Malic Acid) กรดทาร์ทาริค(Tartaric Acid) ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน ปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดความดัน ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส เป็นต้น

ช่วยควบคุมน้ำหนัก
         เพราะมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้น หากคุณรู้สึกหิวระหว่างวัน แอปเปิ้ลสักผลช่วยลดความอยากอาหารได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิด หรืออ่อนเพลีย

ลดคอเลสเตอรอลและน้ำตาล
          แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวันสำหรับคุณผู้หญิง ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ เนื่องจากมีสารเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ ทำหน้าที่คอยดักจับคอเลสเตอรอลจากอาหารเหล่านั้น และนำไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน และต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดได้

Secret

          แอปเปิ้ลขนาดกลางเพียง 1 ผล ล้างให้สะอาดโดยไม่ปอกเปลือก มีคุณค่าทางโภชนาการประมาณดังนี้ คือ พลังงาน 80 แคลอรี วิตามิน บี6 0.1 กรัม วิตามิน ซี 7.9 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม แต่ถ้าปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญจะลดลงตามลำดับ